The Witch : Part 1 The Subversion เป็นภาพยนตร์แอคชันแฟนตาซีที่ผสมปริศนาระทึกขวัญ ผลงานผู้กำกับ พัคฮุนจอง เจ้าของผลงานเด่น V.I.P. (2017) New World (2013) และงานเขียนบท I Saw the Devil (2010) The Unjust (2010) เป็นงานที่ส่งให้นักแสดงนำหญิง คิมดามี ได้ฉายออร่าฝีมือจนกวาดรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ไปมากมายจากหลายเวที
ค่ำคืนหนึ่งในพื้นที่ชนบทห่างไกล ณ อาคารปฏิบัติการลับแห่งหนึ่ง เด็กหญิงวัย 8 ขวบคนหนึ่งหลบหนีออกไปจากที่กักกัน ทิ้งไว้เพียงร่องรอยการต่อสู้รุนแรงเลือดสาดกระจายทั่วห้องที่เกิดเหตุ โดยมีนายชเว (รับบทโดย พัคฮีซุน) นำทีมชายฉกรรจ์ผู้ดูแลกลุ่มหนึ่ง ติดตามไปค้นหาในป่ามืด แต่ก็ล้มเหลว ได้ตัวกลับมาเพียงเด็กชายวัยเดียวกันอีกคนที่พยายามตามเธอไป สร้างความขุ่นเคืองให้นายหญิง ดร.แพค (รับบทโดย โจมินซู) ที่ต้องรุดมาตรวจเหตุกลางดึก พร้อมรู้สึกผิดหวังที่ลูกน้องซื่อบื้อไม่เป่าขม่อมเด็กหญิงให้ตายไปซะ จะได้จบเรื่องง่ายๆ
เด็กหญิงบาดเจ็บหนีซมซานไปสิ้นสติที่ฟาร์มของครอบครัวกูสองสามีภรรยา (รับบทโดย ชเวจองอู และ โอมีฮี) พวกเขาได้ช่วยเหลือเธอและตัดสินใจรับเลี้ยงดูเป็นลูก เพราะเธอไม่มีความทรงจำใดๆเหลืออยู่ จะหาที่พึ่งใดได้
สิบปีผ่านไป กูจายุน (รับบทโดย คิมดามี) เติบโตขึ้น นอกจากรหัสพิเศษที่สลักไว้บนหลังแล้ว นอกนั้นเธอก็แลดูจะเหมือนเด็กปกติทั่วไป เธอเรียนหนังสือเก่งที่หนึ่งของโรงเรียนและเก่งอื่นๆรอบตัว และยังเป็นเด็กดี รักพ่อแม่ ช่วยงานบ้านงานฟาร์มสม่ำเสมอ แต่ครอบครัวกำลังเจอวิกฤติ ปศุสัตว์ราคาตก สังขารพ่อทรุดโทรมป่วยบ่อย แม่ออกอาการอัลไซเมอร์
เมื่อเพื่อนสนิท โดมยองฮี (รับบทโดย โกมินซี) ลูกสาวตำรวจโด (รับบทโดย คิมบยองอ๊ค) ชี้ชวนเธอไปสมัครประกวดร้องเพลงรายการค้นหาดาวหน้าใหม่ เป้าหมายคือเงินรางวัลที่จะเอามาจุนเจือครอบครัวที่กำลังขัดสน โดยมยองฮีขันอาสาเป็นผู้จัดการส่วนตัว ขอแบ่งเงินรางวัลบ้าง ไหนๆชีวิตนี้ก็เหมือนตัวติดกันอยู่แล้ว แทบจะกินนอนอยู่ที่บ้านจายุนตลอด
จายุนผ่านออดิชันฉลุย ได้เข้ารอบแข่งต่อไปในเมือง สร้างความยินดีให้พ่อแม่ แต่ในการออดิชันเธอได้แสดงความสามารถพิเศษ ที่เป็นมายากลอะไรสักอย่าง (เก็บไว้เฉลยท้ายเรื่อง) ซึ่งพ่อแม่เมื่อเห็นเข้าก็ไม่สามารถซ่อนสีหน้าวิตกไว้ได้
จายุนเองก็เริ่มมีอาการป่วยที่ไม่รู้สาเหตุ เลือดกำเดาไหล ปวดหัวรุนแรงเป็นครั้งคราว วินิจฉัยของหมอคือ เธอจะมีชีวิตได้อีกไม่เกิน 2-3 เดือน! ต้องพึ่งพาการปลูกถ่ายไขกระดูกจากพ่อแม่โดยสายเลือด
ในโบกี้รถไฟขาเข้าเมืองเพื่อไปประกวดรอบชิง มยองฮีและจายุนได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน้า (รับบทโดย ชเวอูชิก) ที่มาเซ้าซี้สนทนากับจายุน อ้างการรู้จักกันที่ถูกจายุนแกล้งลืม ซ้ำยังเรียกจายุนว่า แม่มดน้อย ซึ่งเป็นชื่อเล่นพวกเธอเรียกกันเอง มิได้เปิดเผยออกสื่อในรายการประกวดเลย เมื่อเขาระรานตอแยออกท่าทดสอบทำร้าย ทำให้จายุนนิ่งตะลึงน้ำตาไหลพราก มยองฮีจึงโวยวายไล่เขาไปได้ เมื่อเขาพ้นโบกี้นี้ไป หนังก็เฉลยให้เห็นว่าเขามีพลังและสกิลการต่อสู้เหนือคนปกติมาก!
ในนาทีที่เธอชนะประกวดออกทีวี อีกฟากของผู้ชมทางบ้าน คือ ดร.แพคและนายชเวกำลังแสดงความดีใจที่หาเธอพบแล้วในที่สุด และในขณะที่เธอกำลังจะเดินทางกลับบ้าน ก็พบกลุ่มชายฉกรรจ์มาเตรียมชาร์จเธอขึ้นรถไปด้วยกัน แต่โชคดีที่มยองฮีพาเธอหลบพ้นมาได้ เมื่อเธอมาถึงหมู่บ้าน ระหว่างรอรถเมล์ ชายหนุ่มแปลกหน้าบนรถไฟก็เทียบรถเข้ามาวอแวข่มขู่ความปลอดภัยของครอบครัวเธอ
นั่นคือ จุดเริ่มต้นที่ตระหนักได้ว่า ชีวิตของตัวเองและครอบครัวไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เขาเหล่านั้นคือใคร มีหลายฝ่ายรุมกันมาระรานเธอถึงบ้าน จนเธอต้องตอบโต้ออกไปอย่างที่ไม่คาดคิด ดูเหมือนว่าสิ่งที่หายไปจากความทรงจำของเธอ และเรื่องราวในอดีต จะเป็นกุญแจสำคัญให้คลี่คลายปัญหาและปกป้องพ่อแม่กับมยองฮีได้ สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจยอมตามเขาเหล่านั้นไปค้นหาความจริง ณ สถานที่ต้นเรื่อง
และจากจุดนี้ หนังจะเริ่มเปลี่ยนโทน จาก 30 นาทีแรกที่ปูเรื่องราว นำเข้าสู่การทยอยปล่อยปมสงสัย ทยอยวางชอตกระตุ้นความตื่นตัวมากขึ้นๆจนถึงกลางเรื่อง ตัวตนจริงของความเป็นหนังแอคชันทริลเลอร์จะเริ่มชัด ซึ่งมาจากทั้งตัวบทและการวางซาวน์ประกอบที่ตื่นเต้น แต่ที่พีคสุดๆก็คือครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนังที่เร้าใจมาก นึกว่าดู Matrix ฉบับเกาหลีอยู่ 555 แอคชันก็เมามันส์ระห่ำมาก จะหุ่นบางร่างน้อยหรือเด็กสาว ก็โหดเข้มเกินพิกัดปกติไม่ต่างกับชายบึกบึน เพราะความเป็นมนุษย์ที่ไม่ธรรมดากันหมด โชว์การต่อสู้ที่มีครบอาวุธทุกประเภท หลากหลายชั้นเชิงหลายตลบกว่าจะสยบคู่ต่อสู้ได้แต่ละที อย่างเพิ่งวางใจเชียว ดีกรีความโหดถูกถ่ายทอดให้เกิดจินตนาการผ่านแอคติ้งที่มีน้ำหนักรุนแรงและเลือดเป็นหลัก เรื่องนี้เน้นเอฟเฟค์เลือดที่ดูสมจริง และเปลืองเลือดมาก ใช้คำว่าเลือดสาด จึงน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว
ตัวบทเนื้อหาก็มีความสนุกที่ออกรสชาติมากขึ้นในครึ่งเรื่องหลัง การเฉลยปมที่อาจพอรวบรวมเดากันได้บ้างละ แต่ก็ยังมีหยอดเรื่องพลิกหักมุมมาอีกหลายๆชอต เรียกว่าเล่นกันหยดสุดท้ายทีเดียว ตรรกะพอรับได้อาศัยจินตนาการช่วยเสริมบ้าง
สาระข้อถกคิดมากมายที่สอดแทรกเป็นนัยมากับเรื่อง เช่นประเด็นความโลภกระหายของมนุษย์ที่ไม่หยุดนิ่ง ในด้านบวกก็เป็นการพัฒนามนุษยชาติให้สมบูรณ์แบบ ในด้านลบก็เป็นทำลายความเป็นมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ที่ดัดแปลงมนุษย์จนผิดเพี้ยนเกินควบคุม มองมนุษย์เป็นเพียงสิ่งทดลอง ประเด็นผู้สร้างหรือผู้ให้กำเนิดที่ควรจะถูกเรียกว่าแม่ดีหรือผู้ประดิษฐ์ดี ประเด็นการเลี้ยงดูเด็ก พันธุกรรมหรือสภาพแวดล้อม สิ่งใดมีอิทธิพลสำคัญเหนือกว่ากัน ดูจบก็พาลไปนึกถึงคำพังเพยไทย หมองูตายเพราะงู อะไรประมาณนั้นเลย
มาถึงตัวนักแสดง ไม่อวยคิมดามีก็คงพูดไม่ได้เต็มปากว่าได้ดูเรื่องนี้จบ ส่วนตัวผู้เขียนอยากยกให้ คิมดามี คือหัวใจความสำเร็จที่สำคัญของเรื่องนี้ ทึ่งมากที่แคสเธอมา เพราะด้วยหน้าเบ้าออริจินอลเกาหลี ถูกใจผู้เขียนอยู่แล้ว ความใสๆดวงตาซื่อๆ ดูธรรมชาติสุดๆ แต่ยามสื่ออารมณ์อีกด้าน คือความฉลาดซ้อนกล ก็ชวนขนลุกได้อยู่นะ รวมทั้งฝีมือบู๊ของเธอคล่องแคล่ว หนักแน่น สวยงามไร้ที่ติ ดูแล้วอินมาก ชวนให้ปักหมุดรอติดตามผลงานใหม่ของเธออย่างแน่นอน
ถึงแม้หนังจะโหดดาร์คหนักหน่วง แต่ก็พอมีมุมชื่นตาชื่นใจบ้างนิดๆ เพราะชเวอูชิกในเรื่องนี้ ช่างหล่อน่ารักมากมาย ชอตโคลสอัพนี่ได้ชวนใจบางกันไปทั้งอำเภอเลยหละ